รายงานโดย สิรสิทธิ์ ตติยภัณฑรักษ์ [#RETAILman | #RETAILmanX]

เบื้องหลังของการพลิกโจทย์อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มไทยให้ก้าวสู่เวทีโลก ไม่ได้เกิดจากการขับเคลื่อนธุรกิจเพียงอย่างเดียว แต่การสร้างความแตกต่าง ต้องเริ่มจาก “พลังของคน” ที่กล้าคิดกล้าทำ พร้อมหัวใจที่ขับเคลื่อนด้วย “นวัตกรรม” ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่กลุ่มบริษัท ที.ซี.ฟาร์มาซูติคอล อุตสาหกรรม จำกัด หรือเครือ TCP Group เจ้าของแบรนด์เครื่องดื่มอย่างแบรนด์กระทิงแดง, เรดบูล, เรดดี้, โสมพลัส, สปอนเซอร์, และอีกมากมาย โดยยึดถือมาตลอด

เครือ TCP Group มุ่งเดินหน้าปลูกฝังแนวคิดที่ผสานนวัตกรรมในทุกระดับ ตั้งแต่ฝ่ายการวิจัยและพัฒนาที่ถือเป็นต้นน้ำของไอเดียใหม่ๆ ไปจนถึงฝ่ายการตลาดอันเป็นสะพานเชื่อมความต้องการผู้บริโภคสู่นวัตกรรมสินค้าและต่อยอดสู่สายการผลิต แม้แต่ละบทบาทจะแตกต่างกัน แต่ทุกกระบวนการล้วนขับเคลื่อนด้วยพลังบุคลากรของเครือ TCP Group ที่เชื่อว่านวัตกรรมคือคำตอบของความสำเร็จ

คุณมณพัช เดชาวุธ ผู้จัดการฝ่ายวิจัยและพัฒนา - ผลิตภัณฑ์ใหม่และเทคนิคเชิงวิทยาศาสตร์ กลุ่มบริษัท ที.ซี.ฟาร์มาซูติคอล อุตสาหกรรม จำกัด กล่าวว่า “ฝ่าย R&D เป็นเหมือนสะพานเชื่อมระหว่างฝ่ายมาร์เก็ตติ้งและกระบวนการหลังบ้านเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด หน้าที่หลักของเครือ TCP Group คือการแปลงโจทย์ของผู้บริโภคให้กลายเป็นนวัตกรรมที่จับต้องได้ เครือ TCP Group ต้องฟัง Pain Point ของผู้บริโภคว่ามีปัญหาในจุดไหน แล้วนำมาต่อยอดให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ด้วยองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี” 

“เมื่อหลายปีก่อนได้มีโอกาสร่วมคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์แบรนด์ BESTURAL (เบสท์เซอรัล) ภายใต้โครงการ TCP Incubator ซึ่งเปิดโอกาสให้พนักงานตั้งทีมและนำเสนอไอเดียผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย เครือ TCP Group เริ่มจากโจทย์ที่ชัดเจนว่าอยากลองทำผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่เครื่องดื่ม โดยในช่วงเวลานั้นกระแสอาหารเสริมกำลังมาแรง บริษัทฯ จึงลงไปพูดคุยกับตลาดจริงๆ และพบว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่สนใจคอลลาเจนในรูปแบบที่ทานง่าย คำถามคือจะทำอย่างไรให้ได้ทั้งคอลลาเจนเข้มข้น แต่ยังคงรสชาติอร่อย คำตอบจึงออกมาเป็นคอลลาเจนรูปแบบกัมมี่ ซึ่งในตอนนั้นยังไม่มีใครเคยทำในประเทศไทย ทำให้เครือ TCP Group ได้เรียนรู้อีกอย่างว่าการคิดไอเดียออกจากกรอบเดิมๆ ถือเป็นส่วนเสริมสำคัญเช่นกันในการสร้างความแตกต่างให้กับตลาด”

คุณศุภกฤษณ์ ลำใย ผู้จัดการฝ่ายการตลาด แบรนด์ BESTURAL กลุ่มบริษัท ที.ซี.ฟาร์มาซูติคอล อุตสาหกรรม จำกัด กล่าวเสริมว่า “นวัตกรรมที่แท้จริงต้องตอบโจทย์ Pain Point ของผู้บริโภคได้ตรงจุด สิ่งสำคัญคือการเข้าใจว่าพฤติกรรมผู้บริโภคต้องการอะไร แล้วนำข้อมูลนั้นมาพัฒนาสินค้า ผลิตภัณฑ์แบรนด์ BESTURAL จึงเป็นตัวอย่างที่สะท้อนการผสานนวัตกรรมรูปแบบอาหารเสริมกับความต้องการในตลาดได้อย่างชัดเจน จุดแข็งของการพัฒนาผ่านโครงการ TCP Incubator คือการทำงานแบบสตาร์ทอัพ เน้นความรวดเร็ว, คล่องตัว, และตัดสินใจได้ไว หากไม่ตอบโจทย์ก็ลุกมาคิดใหม่ได้ทันที ตามแนวคิด ‘Fail Cheap, Learn Fast’ ที่ช่วยให้ทีมเรียนรู้จากความผิดพลาดและพัฒนาสินค้าให้ดียิ่งขึ้น”

“ผลิตภัณฑ์แบรนด์ BESTURAL เริ่มต้นจากการแก้ Pain point ของผู้บริโภคที่ไม่สะดวกกับอาหารเสริมแบบผงหรือเม็ดใหญ่ติดคอ รวมไปจนถึงให้ความรู้สึกเหมือนกินยา ทางทีม R&D จึงพัฒนาเป็นคอลลาเจนกัมมี่ที่ทั้งได้ประโยชน์, อร่อย, และทำให้ทุกครั้งที่กินเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข การพัฒนาผลิตภัณฑ์นี้ไม่ได้หยุดแค่วันที่ออกสู่ตลาด แต่ต้องเดินหน้าตลอดเวลา”

“อย่างผลิตภัณฑ์แบรนด์ BESTURAL ทางบริษัทฯ ได้ต่อยอดการพัฒนาร่วมกับกลุ่มบริษัท DHC สัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ผลิตแบรนด์อาหารเสริมและวิตามินชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นการผสานนวัตกรรมในรูปแบบ Business Matching จนออกมาเป็น BESTURAL × DHC  ที่ผสานความรู้และความเชี่ยวชาญของทั้งสองฝ่าย”

“ล่าสุดได้ร่วมกันพัฒนาสูตรใหม่แบบไม่เติมน้ำตาล อันตอบโจทย์ทิศทางตลาดด้านสุขภาพและการบริโภคที่ยั่งยืน พร้อมเพิ่มความหลากหลายด้วยรสชาติยูสุและองุ่นเคียวโฮ ซึ่งสะท้อนการพลิกโจทย์นวัตกรรมที่ผสานทั้งมิติการตลาดและการคิดค้นใหม่ๆ เข้าด้วยกัน” คุณศุภกฤษณ์ กล่าว

หากไอเดียสร้างสรรค์เปรียบเสมือนต้นน้ำของการคิดค้น ภาคอุตสาหกรรมและการผลิตของเครือ TCP Group อาจเปรียบได้กับ “หัวใจหลังบ้าน” ที่ทำให้ทุกแนวคิดถ่ายทอดออกมาเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงส่งถึงมือผู้บริโภค

คุณอภิชาต บุญเรืองถาวร ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรม ความปลอดภัย และความยั่งยืน กลุ่มบริษัท ที.ซี.ฟาร์มาซูติคอล อุตสาหกรรม จำกัด กล่าวว่า “เครือ TCP Group มองการผสานนวัตกรรมเป็นสองด้าน ด้านแรกคือการพัฒนาเทคโนโลยี และอีกด้านคือการเปลี่ยนวิธีคิดของทีมทำงาน จากเดิมที่มองเพียงการซ่อมเมื่ออุปกรณ์เสีย แต่ตอนนี้ได้เปลี่ยนไปตั้งคำถามว่า ‘จะปรับปรุงให้ดีกว่าเดิมอย่างไร’ อีกหนึ่งในตัวอย่างคือการพัฒนา AI สำหรับควบคุมเครื่องจักรเพื่อลดการใช้พลังงานที่ทีมวิศวกรพัฒนาขึ้นเอง ซึ่งทดแทนการพึ่งพาโปรแกรมสำเร็จรูปจากซัพพลายเออร์ที่บางครั้งไม่ตรงกับความต้องการทั้งหมด ผลลัพธ์ก็คือโซลูชันที่ทีมต่อยอดได้เอง โดยหากพัฒนาสำเร็จจะทำให้โรงงานไม่จำเป็นต้องซื้อซอฟต์แวร์จากต่างประเทศ และมองว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างความมั่นใจให้ทีมงานสามารถนำทักษะไปต่อยอดกับงานอื่นๆ ได้”

“นอกจากการพัฒนาภายในองค์กรแล้ว เครือ TCP Group ยังได้ลงนามความร่วมมือกับ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT) เพื่อต่อยอดองค์ความรู้ด้านนวัตกรรมดาราศาสตร์ขั้นสูง สู่การประยุกต์ใช้ในภาคอุตสาหกรรมและการผลิต โดยสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT) มีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนากล้องโทรทรรศน์เพื่อศึกษาวัตถุบนท้องฟ้าอยู่แล้ว และความเชี่ยวชาญนี้สามารถนำมาปรับใช้กับร่วมกับภาคอุตสาหกรรมและการผลิต จึงได้แลกเปลี่ยนความรู้ร่วมกันจนสามารถพัฒนาอุปกรณ์ต้นแบบขึ้นอย่างโมเดล High Precision Machining เทคโนโลยีขึ้นรูปชิ้นงานความละเอียดสูงหรือเทคโนโลยีวิเคราะห์ภาพถ่าย ซึ่งได้นำองค์ความรู้จากการพัฒนากล้องโทรทรรศน์มาตรวจสอบข้อบกพร่อง (Defect) ในผลิตภัณฑ์ที่สายตาอาจมองไม่เห็น ปัจจุบันได้มีคืบหน้าไปประมาณ 80% และกำลังอยู่ระหว่างการเตรียมประยุกต์ใช้ต่อไป”

อีกก้าวสำคัญของการผสานนวัตกรรมสู่การยกระดับกระบวนการผลิต คือการพัฒนาระบบ Smart Manufacturing ในโรงงานของกลุ่มธุรกิจเครือ TCP Group ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยร่วมมือกับพันธมิตรอย่างบริษัท ระยองวิศวกรรมและซ่อมบำรุง จำกัด หรือ REPCO NEX Industrial Solutions กลุ่มธุรกิจในเครือเอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC เพื่อผสานนวัตกรรมตั้งแต่การติดตามข้อมูลการผลิตแบบเรียลไทม์ผ่านการนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ไปจนถึงการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิต, คุณภาพสินค้า, ต้นทุน, และพลังงาน รวมทั้งแนวทางการปฏิบัติงานอันสอดคล้องอย่างเป็นระบบ ซึ่งผลลัพธ์สุดท้ายคือการส่งมอบสินค้าที่มีคุณภาพสูง, สม่ำเสมอ, และตรงตามมาตรฐาน ซึ่งเป็นพื้นฐานของการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าอย่างยั่งยืน

คุณสราวุฒิ อยู่วิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ที.ซี.ฟาร์มาซูติคอล อุตสาหกรรม จำกัด กล่าวว่า “ไม่ใช่เพียงนวัตกรรมเท่านั้น แต่ความสำเร็จเริ่มต้นจากบุคลากรของเครือ TCP Group ซึ่งให้ความสำคัญกับ ‘คน’ ในองค์กรเป็นหลัก เนื่องด้วยเครือ TCP Group เชื่อว่า การจะก้าวสู่การเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรมได้แท้จริง ต้องเริ่มจากการปลูกฝังแนวคิดอันขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมให้กับบุคลากรทุกคน เครือ TCP Group จึงมุ่งสร้างสภาพแวดล้อมที่เปิดโอกาสให้พนักงานได้เรียนรู้และนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้อย่างเต็มศักยภาพ ตั้งแต่การพัฒนากระบวนการผลิตด้วยระบบ Smart Manufacturing การต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ผ่านโครงการด้านนวัตกรรมในทุกภาคส่วน ไปจนถึงการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับองค์กรนวัตกรรมชั้นนำ และสิ่งเหล่านี้คือการตอกย้ำว่าการปลุกพลังบุคลากรด้วยหัวใจแห่งนวัตกรรม ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่สุดในการสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงของเครือ TCP Group”

“นวัตกรรม” ถือเป็นพลังขับเคลื่อนที่เกิดขึ้นจากทุกภาคส่วนขององค์กรเครือ TCP Group ผลลัพธ์จึงไม่ใช่เพียงผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง แต่ยังทำให้เครือ TCP Group พร้อมรังสรรค์สินค้าที่ตอบโจทย์เทรนด์ผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นหัวใจสำคัญขององค์กร สู่แรงผลักดันในการพลิกโฉมอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มไทยอย่างแท้จริง

  #TheDailyBangkok  #ข่าวสังคมบันเทิงธุรกิจไลฟ์สไตล์  #รัฐวัชร์จัดให้